โปรเเกรมน่ารู็
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ
-
ทำความรู้จัก Windows Movie Maker
-
Windows Movie Maker เป็นโปรแกรมสร้างหนัง เช่นเดียวกันกับ Adobe Premiere ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมระดับมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของ Windows Movie Maker เวอร์ชั่นใหม่นี้ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างหนังได้ในระดับที่คุณจะพอใจมากเลยทีเดียว
-
Windows Movie Maker เป็นฟรีแวร์ ซึ่งแถมมาให้กับ Windows XP service pack 2 ขึ้นไป (เวอร์ชั่นนี้ไม่สามารถใช้งานได้กับ Windows ME) ดังนั้น สำหรับใครๆ ที่ยังใช้เวอร์ชั่นอื่นอยู่ ถ้าสนใจอยากลองก็คงต้อง Upgrade Windows ของคุณก่อน สำหรับการใช้งานหลังจากทดสอบแล้ว พบว่าไม่ยุ่งยาก และเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเลย อย่างไรก็ตามลองมาศึกษาในรูปแบบของเราได้ครับ

ความสามารถของ Windows Movie Maker
-
รองรับไฟล์ประเภท photo, audio, video ต่างๆ มากมาย
-
สามารถแบ่งไฟล์หนังเป็นส่วนย่อยๆ พร้อมกับนำภาพ หรือเพิ่ม effects ได้
-
นำภาพนิ่งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังได้
-
เครื่องมือใหม่เสริมเข้ามา เช่น title or credit, effects, transitions
-
เปลี่ยนเสียงจากต้นฉบับมาเป็นเสียงของคุณเองได้ตามต้องการ
-
บันทึกเป็นไฟล์ลงคอมฯ CD, E-mail, Web หรือ DV Camera ได้
รายละเอียดของหน้าต่างโปรแกรม
-
หมายเลข 1 เป็นส่วนที่เก็บคำสั่งต่างๆ ของโปรแกรม โดยแบ่งออกเป็นส่วนๆ ดังนี้
-
Capture Video สำหรับการนำข้อมูลเข้าสู่โปรแกรม
-
Edit Movie เป็นคำสั่งในการแก้ไข ปรับแต่งหนัง
-
Finish Movie เป็นคำสั่งสำหรับการบันทึกในรูปแบบต่างๆ
-
Movie Maker Tips เป็นคำอธิบาย หรือ Help เพื่อช่วยในการเรียนรู้โปรแกรม
-
-
หมายเลข 2 เป็นส่วนสำหรับการแสดงผล ทดสอบผล
-
หมายเลข 3 เป็นเมนูในการปรับแต่งการแก้ไขผลงาน
-
หมายเลข 4 เป็นบริเวณพื้นที่ในการทำงาน สามารถปรับให้แสดงในรูปแบบ timeline หรือ storyboard ได้
-
คำสั่งอื่นๆ จะมีวิธีการเรียกคำสั่งในลักษณะของเมนู โดยมีวิธีการใช้งานเช่นเดียวกับโปรแกรมที่ทำงานภายใต้ Windows อื่นๆ
คำสั่งต่างๆ ที่น่าสนใจของ Movie Maker
-
รูปแบบการแสดงผลในส่วนของการจัดการ
-
การแสดงผลแบบ Timeline ใช้สำหรับการปรับแต่งเวลาในการแสดงผล การแบ่ง video (Split) การปรับเปลี่ยนเสียง ปิดเสียง รวมทั้งการแสดงผลของ titles, credits
-
การแสดงผลแบบ Storyboard ใช้สำหรับการปรับแต่ง effects และ transitions
-
คำสั่งต่างๆ ที่น่าสนใจของ Movie Maker
-
รูปแบบการแสดงผลในส่วนของการจัดการ
-
การแสดงผลแบบ Timeline ใช้สำหรับการปรับแต่งเวลาในการแสดงผล การแบ่ง video (Split) การปรับเปลี่ยนเสียง ปิดเสียง รวมทั้งการแสดงผลของ titles, credits
-
การแสดงผลแบบ Storyboard ใช้สำหรับการปรับแต่ง effects และ transitions
-